Voigtländer Vito BL เป็นกล้องระดับสูงจากเยอรมัน อยู่ในช่วงปลายของยุคที่กล้องจากเยอรมันครอบครองตลาด และ เป็นช่วยที่กล้องจากญี่ปุ่นกำลังพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กล้องตัวนี้ ดูเหมือนงานฝีมือของช่าง ที่ประกอบชิ้นส่วนอย่างปราณีต และ ตรวจสอบการใช้งานอย่างดี ใช้ฟิล์มม้วน 35มม. รูปร่างขนาดเล็กระทัดรัด เลนส์ติดตั้งมากับตัวกล้อง ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 1956 จนถึงปี ค.ศ. 1960 เป็นรุ่นหนึ่งของ ตระกูล Vito B ที่เริ่มมิเตอร์วัดแสงแบบซีลีเนียมแบบแยกส่วนมาให้
รูปร่างและสภาพโดยทั่วไป คล้ายกับ Vito รุ่นอื่น ๆ แต่ในสายการผลิต ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อย บางอย่างแตกต่างกันไป โดยมีรุ่นต่าง ๆ มากมาย เลนส์อาจมีหลายแบบ เช่นตัวนี้เป็น เลนส์ Color-Skopar 50 มม. f/2.8 หรือบางรุ่นอาจจะเป็น f/3.5 ที่มี 4 องค์ประกอบ ตัววัดแสงก็มี 2 แบบ ตัวนี้เป็นของ Bewi-Automat อีกรุ่นเป็น Bertram (ผลิตโดย Ernst & Wilhelm Bertram ทั้ง 2 แบบ) และมีข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างตัววัดแสงทั้งสองรุ่นนี้ อีกทั้งช่องมองภาพยังมีรูปแบบต่างๆ จะมีหรือไม่มีเส้นกรอบสว่างภายในช่องมองภาพ เป็นต้น กล้องส่วนใหญ่มีชัตเตอร์ Prontor หรือตัวนี้ เป็น Prontor SVS ความเร็วชัตเตอร์ 9 ระดับ ตั้งแต่ 1/300 - 1 วินาที และโหมด B พร้อมตัวเลขระบุค่า EV
การใช้งานปรับตั้งค่า ช่องรับแสง และ ความเร็วชัตเตอร์ค่อนข้างไปทางยุ่งยากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ ฝึกหัดบ่อย ๆ ก็จะตั้งค่าได้คล่อง หลัก ๆ ก็คือ เมื่อเราวัดแสงได้ค่า EV แล้ว ก็ ปรับค่าช่องรับแสง และ ความไวชัตเตอร์ ที่ต้องการให้ตรงกับค่า EV เลนส์ ก็จะล๊อคค่านั้นไว้ เมื่อหมุนปรับเลนส์ไป ค่าช่องรับแสง และ ความไวชัตเอร์ ก็จะเปลี่ยนไปพร้อม ๆ กัน โดยคงค่าแสงเดิม ไม่ สว่างขึ้น หรือมืดลง
เรามาดูรูปร่างหน้าตา และการใช้งานกัน
ด้านหน้า และ ด้านหลังของกล้อง จะเห็นว่ารูปร่างค่อนข้างไปทางเล็ก ส่วนปรับค่าต่าง ๆ อยู่ที่เลนส์
ด้านบนของตัวกล้อง ฝั่งขวา บนสุดเป็นปุ่มลั่นชัตเตอร์ มีรูเกลียวสำหรับใส่สายลั่นชัตเตอร์ แป้นกลมใหญ่จะเป็น มิตเตอร์วัดแสง รุ่นที่เห็นอยู่นี้ มีตัววัดแสงในตัวแบบ Bewi-Automat จะต้องตั้งค่าความไวแสงก่อน คือ ตัวเลขสีเขียว ค่า ASA (ISO) หรือ DIN คือค่าความไว้แสงของฟิล์มที่ใช้ สามารถหมุนแป้นให้ค่าความไวแสง ที่ต้องการ ตรงกับจุดแดงด้านหน้าได้
ด้านหลังของตัวกล้อง จะมีปุ่มกลมเล็ก ๆ เมื่อกด เครื่องวัดแสงจะทำงาน กดค้างไว้สัก 2-3 วินาทีแล้วปล่อย ตัวเลขวัดแสงบนแป้น ก็จะแสดงให้เห็นดังรูป ตัวเลขสีแดง คือ ค่า EV (รูปตัวอย่างนี้คือ 6) ตัวเลขถัดลงมาคือ ค่าความไวชัตเตอร์ และ ตัวเลขชุดล่างสุด คือ ค่าช่องรับแสง จากตัวอย่าง ค่าแสงที่ได้เป็น EV 6 ถ้าเราจะถ่ายที่ f/5.6 ก็ต้องใช้ความไวชัตเตอร์ที่ 1/2 วินาที ก็ตั้งค่าที่เลนส์ตามนี้ แต่เนื่้องจากตัววัดแสงมีอายุมากแล้ว อาจจะเสื่อมได้ ต้องทดสอบการใช้งานจริง กล้องตัวนี้ ทดสอบแล้ว อันเดอร์ไป 2 สต๊อป การใช้งานจริง ก็ต้องปรับค่าให้สว่างขึ้น 2 สต๊อปเช่นกัน
ตรงกลางด้านบนของช่อง เป็นช่องสำหรับ เสียบแฟลช หรือ ตัววัดระยะโฟกัส ฯลฯ ตามต้องการ
ด้านบนฝั่งซ้าย จะมีตัวหนังสือระบุรุ่นของกล้อง VITO BL แป้นกลมสำหรับหมุนฟิล์มกลับเข้ากลัก อีกทั้ง เป็นตัวสังเกตุว่าฟิล์มเดินหรือไม่ เมื่อขึ้นฟิล์มเพื่อที่จะถ่ายรูปใหม่ แป้นนี้ก็จะหมุนตามไปด้วย เมื่อถ่ายรูปหมดแล้ว ต้องการหมุนฟิล์มกลับ ก็ดันปุ่มที่อยู่ด้านข้าง แป้นก็จะเด้งขึ้นมา ทำให้สามารถหมุนได้ บนแป้นมีตัวหนังสือสำหรับระบุฟิล์มที่ใส่ไว้ในกล้อง เป็นแบบเก่า ใช้กับฟิล์มปัจจุบันไม่ได้แล้ว
ด้านหน้าฝั่งขวา จะมีเซลรับแสง เพื่อวัดค่าแสง ข้างล่าง มีโลโก้ Voigtlander
ด้านหน้าฝั่งซ้าย มีช่องสี่เหลี่ยม เป็นช่องรับภาพส่งไปยังช่องมองภาพด้านหลัง
ด้านหน้าของ เลนส์ Color-Skopar 50 มม. f/2.8 ด้านบนมีต้วเลขแสดงระยะชัดลึก
ด้านบนของเลนส์ ตัวเลขแถวหน้าสุด แสดงระยะโฟกัส (ตัวนี้แสดงเป็น เมตร) ถัดขึ้นไปเป็นตัวเลขแสดงระยะชัดลึก ถัดขึ้นไปอีก เป็นตัวเลขแสดงค่าช่องรับแสง โดยหมุนค่าที่ต้องการมาให้ตรงกับ รูปสีเหลี่ยมข้าวหลามตัดสีดำข้างหน้า ถัดขึ้นไปตัวเลขสีแดง แสดงค่า EV หลังสุด เป็นตัวเลขแสดงค่าความเร็วชัตเตอร์ ปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องการให้ตรงกับจุดดำด้านหลัง
ข้างซ้ายของเลนส์ จะมีไกสำหรับปรับค่าซิงค์แฟลช M กับ X
M-Sync ใช้กับแฟลชรุ่นเก่าที่เป็นจำพวกหลอดไฟ (Flash Bulb) แฟลชหลอดไฟ มันจะไม่สว่างสุดตั้งแต่เริ่มทำงาน มันจะมีเวลาช่วงนึงเพื่อให้ไฟแฟลชสว่างสุด
แฟลชจะยิงออกไปก่อนที่ชัดเตอร์เปิดสุด เพื่อให้มีเวลาแฟลชสว่างสุด เมื่อชัตเตอร์เปิดกว้างสุด
X-Sync ใช้กับแฟลชอิเล็กทรอนิคส์รุ่นใหม่ ไฟแฟลชสว่างคงที่ แฟลชจะยิงเมื่อชัตเตอร์เปิดสุด
และ V คือตั้งเวลานับถอยหลังลั่นชัตเตอร์ ประมาณ 10 วินาที
ด้านล่างของเลนส์ จะมีเดือยสำหรับตั้งกล้องบนพื้นราบ ค้ำกล้องไม่ให้กล้องคว่ำหน้า
ใต้ตัวกล้องมีเฟืองหมุนสำหรับตั้งค่านับจำนวนรูปที่แสดงค่าด้านบน
ปุ่มดำ ที่เห็นอยู่ด้านขวานี้ เป็นช่องสำหรับเสียบสายซิงค์แฟลช
เหนือเลนส์ขึ้นไป มีช่องสี่เหลี่ยมแสดงจำนวนรูป เมื่อหมุนเฟืองใต้ตัวกล้องด้านหน้า ตัวเลขจำนวนรูปจะแสดงที่ช่องสีเหลี่ยมเล็ก ๆ นี้
หลังจากใส่ฟิล์มเสร็จแล้ว ให้หมุนเฟืองใต้ตัวกล้องจนกว่าจะปรากฎรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีดำ
หลังจากนั้น ก็ขึ้นฟิล์ม กดชัตเตอร์ หมุนเฟืองไปจนกว่าจะขึ้นเลข 1 (ประมาณ 2 ครั้ง) ก็คือพร้อมสำหรับถ่ายรูปแรกแล้ว
เมื่อถ่ายไปจนหมดม้วน ปกติจะประมาณ 36 รูป ก็จะแสดงจำนวนรูปมาถึงรูปสุดท้าย จะไม่สามารถเลื่อนไกขึ้นฟิล์มใหม่ได้อีก
การหมุนฟิล์มกลับเข้ากลักเพื่อนำออกมา จะต้องกดปุ่มกลมสีเงิน ที่อยู่ด้านบนของไกเลื่อนฟิล์มก่อน
ดันไกที่อยู่ด้านซ้ายของตัวกล้องเพื่อให้แป้นหมุนฟิล์มกลับเด้งขึ้นมาข้างบน
เมื่อแป้นหมุนฟิล์มกลับเด้งขึ้นมาตามรูปนี้ ก็สามารถหมุนแป้นเพื่อนำฟิล์มกลับเข้ากลักฟิล์มได้
เมื่อหมุนฟิล์มหมดแล้ว ที่ใต้ตัวกล้อง ในรูปนี้ จะมีตัวเปิดฝาล่างอยู่ที่ข้างซ้ายของรูป
ให้ยกตัวเปิดฝาล่างขึ้น และหมุนไปทางขวา 90 องศา ก็จะเปิดฝาด้านล่างข้างซ้ายขึ้นมาได้ได้
เมื่อเปิดฝาใต้ตัวกล้องออกแล้ว ก็จะสามารถเปิดฝาด้านหลังตัวกล้องออกได้ ก็ทำการนำกลักฟิล์มออกมา
เสร็จแล้ว ถ้ามีฟิล์มม้วนใหม่ ก็ใส่เข้าไปได้ แต่หากว่ายังไม่มีฟิล์ม ก็ปิดกลับเข้าที่เดิม
รูปตัวอย่าง จาก กล้อง Voigtlander Vito BL
Voigtlander Vito BL Sample Photo 001
Voigtlander Vito BL Sample Photo 002
Voigtlander Vito BL Sample Photo 003
Voigtlander Vito BL Sample Photo 004
Voigtlander Vito BL Sample Photo 005
Voigtlander Vito BL Sample Photo 006
Voigtlander Vito BL Sample Photo 007
ความคิดเห็นขับเคลื่อนโดย CComment