Argus C3

ArgusC3Sample003

นับตั้งแต่ Lieca เริ่มสร้างกล้องที่สามารนำฟิล์มถ่ายภาพยนต์ ขนาด 35 มม. มาบรรจุเพื่อถ่ายรูปได้ ในปี ค.ศ. 1931 ทำให้กล้องเล็กลง พกพาสะดวกกว่ากล้องที่ใช้ฟิล์มแผ่นซึ่งใหญ่กว่าในอดีต และได้รับการปรับปรุงเรื่อยมาตั้งแต่ ต้องบรรจุฟิล์มลงกล้องในห้องมืด จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โกดักก็ได้คิดค้นการบรรจุฟิล์มม้วนลงในกลัก ที่ไม่ต้องบรรจุในห้องมืด สามารถใช้แล้วทิ้งกลักได้เลย เรียกว่าฟิล์มรุ่น 135 เป็นต้นมา กล้องที่ใช้ฟิล์มม้วน 35 มม. ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยถ่ายรูปได้ขนาด 24 x 36 มม. โดยมีให้เลือกแบบถ่ายได้ 12, 24 หรือ 36 เฟรม โดยทางฝั่งยุโรป มีผู้ผลิตกล้องรูปแบบนี้ที่สำคัญ คือ Leica ตามมาด้วย Zeiss Contax หรือจะเป็น Voigtlander โดยผลิตกล้องที่มีคุณภาพดี และก็มี ราคาที่สูง ตามคุณภาพของกล้อง มาทางฝั่งอเมริกา ก็มี Kodak ซึ่งก็มีราคาสูงอยู่พอสมควร Argus ที่ผลิตกล้องที่มีราคาย่อมเยากว่า เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และ นำการถ่ายรูปด้วยฟิล์มม้วน 35 มม. เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่สามารถซื้อกล้องราคาสูงจากฝั่งยุโรปได้ กล้อง Argus รุ่น C3 นี้ ถือว่า เป็นกล้องที่มีการจำหน่ายสูงสุดของกล้อง 35 มม. เท่าที่เคยมีมา

Argus C3 ถือว่าเป็นกล้อง 35 มม. สัญชาติอเมริกัน ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล โดยมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวกล้องอยู่ตลอดระยะเวลา 28 ปี ของสายการผลิต แต่ยังคงรูปราง ที่เรียกกันว่า "Brick" หรือ "ก้อนอิฐ" ซึ่งเป็นเอกลักษ์ของกล้องรุ่นนี้ เริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938 จนถึงรุ่นสุดท้ายของสายการผลิตในปี ค.ศ. 1966 นับรวมทั้งหมดที่ผลิตออกมา มากกว่า 2.2 ล้านตัว

เหตุที่กล้องรุ่นนี้ได้รับความนิยมสูง และ ประสบความสำเร็จ ก็เพราะรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากล้องอื่น ๆ ดีไซน์สวยงาม แปลกตา เป็นอมตะ และยังคงดูสวยงามมาถึงปัจจุบันนี้ ใช้เลนส์คุณภาพสูง ฟังชั่นการใช้งานที่ครบพอสมควร ที่สำคัญ ราคาจับต้องได้ อยู่ที่ 25 ดอลล่าร์ฯ ในตอนนั้น ต่อมาในปี ค.ศ. 1950 ยอดขายเริ่มลดลง แม้ว่า ทาง Argus จะพยายามผลิตกล้องรุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมา แต่คนส่วนใหญ่ ก็ยังคงซื้อกล้องรุ่น C3 นี้เหมือนเดิม เมื่อความนิยมเริ่มลดลง และ มีกล้องยี่ห้ออื่น ๆ รุ่นใหม่ ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา Argus ในที่สุดก็ต้องปิดตัวลง ในปี 1966

เรามาดูรายละเอียดของกล้องรุ่นนี้กันครับ

Argus C3 Front   Argus C3 Back

รูปทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ ออกแบบด้านหน้า และด้านหลังได้แตกต่างจากกล้องทั่วไป

Argus C3 SN

กล้อง Argus C3 ที่เห็นอยู่นี้ เลขซีรียส์ 419932 เมื่อเทียบดูรายละเอียด ที่ When was my Argus camera made? แล้ว จะเห็นว่าเป็น C3 (Post War) ซึ่งหมายถึง ผลิตหลังสงครามโลกกครั้งที่สอง ตรงกับปี ค.ศ. 1949 ก็แปลว่า กล้องตัวนี้อายุได้ประมาณ 76 ปีแล้ว (ในปี ค.ศ. 2025)

 

Argus C3 Right Top   Argus C3 Shutter Button

ส่วนบนด้านขวาของกล้อง มีปุ่มลั่นชัตเตอร์ ที่มีรูเกลียวสำหรับสายลั่นชัตเตอร์ด้วย ที่ฐานปุ่มลั่นชัตเตอร์ สามารถหมุนปรับ เลือกการลั่นชัตเตอร์ ระหว่าง I คือลั่นชัตเตอร์ตามปกติ และ B คือลั่นชัตเตอร์ค้างไว้จนกว่าจะปล่อย 

Argus C3 Film Number

แป้นกลมแสดงตัวเลขแสดงจำนวนรูปที่ถ่าย ปุ่มหกเหลี่ยมด้านหลัง เป็นไกสำหรับล๊อคเมื่อขึ้นฟิล์มไป 1 รูป เมื่อถ่ายรูปแล้ว ดันไปทางซ้ายปลดฟิล์มเพื่อเลื่อนไปยังรูปต่อไป แป้นกลมมี 2 รูเล็กๆ เปิดเพื่อปรับส่วนของโฟกัสในช่องสำหรับโฟกัสภาพ

Argus C3 Front Right

ด้านหน้าขวา จะมีแป้นกลม สำหรับปรับโฟกัส แป้นกลมมีตัวเลขระยะโฟกัส สำหรับตัวนี้แสดงค่าเป็น ฟุต คอนเทคกับเลนส์ด้านหน้า ด้วยเฟืองกลม ทำให้ตัวเลขแสดงระยะโฟกัสตรงกันกับระยะโฟกัสของเลนส์ ลงมาด้านล่าง ปุ่มกลมสีดำ เป็นไกสำหรับขึ้นชัตเตอร์เพื่อทำการถ่ายรูป

 

Argus C3 Top Left   Argus C3 Front Left

ด้านซ้ายบน ของตัวกล้อง มีแป้นกลม ตัวหนังสือ WIND และลูกศรโค้ง สำหรับหมุนเลื่อนฟิล์มเพื่อถ่ายรูปถัดไป

ด้านหน้าฝั่งซ้าย จะมีช่องสี่เหลี่ยมสองช่อง ช่องซ้ายสำหรับโฟกัสรูปอย่างเดียวจะเห็นไม่เต็มรูป ช่องขวาสำหรับดูรูปที่ต้องการจะถ่าย และแป้นกลมสำหรับปรับความเร็วชัตเตอร์ ตัวนี้ มีค่า 1/10 ถึง 1/300 ตามรูป

 

Argus C3 Lens ARGUS COATED CINTAR f/3.5 50MM MADE IN U.S.A.

ด้านหน้าตรงกลางเป็นเลนส์ถ่ายรูป ARGUS COATED CINTAR f/3.5 50MM MADE IN U.S.A. ปรับช่องรับภาพโดยจับปุ่มสองปุ่มที่เห็นในรูป และหมุนให้ตัวเลขช่องรับภาพ ตรงกับเส้นสีดำที่ขอบเลนส์

 

Argus C3 Left

ด้านซ้ายของตัวกล้อง มีรู 2 รู สำหรับเสียบแฟลชที่ผลิตมาใช้กับกล้องรุ่นนี้โดยเฉพาะ ด้านหลัง มีปุ่มสำหรับเปิดปิดฝาด้านหลัง

Argus C3 Back

ด้านหลังกล้องฝาปิดจะมีแป้นกลม แสดงค่า A.S.A. Speed Film หรือ ISO ของฟิล์มในปัจจุบัน สามารถหมุนได้ กำหนดให้ตัวเลขตรงกับลูกศรสีแดง เพื่อแสดงค่าของฟิล์มที่ใช้อยู่ กันลืม แค่นั้น ไม่มีผลกับการถ่ายรูปแต่อย่างใด

Argus C3 View Focus Finder   Argus C3 View Finder   Argus C3 Focus

ข้างบนของด้านหลังจะมีช่องกลม 2 ช่อง สำหรับดูภาพที่จะถ่าย และโฟกัสสิ่งที่จะถ่าย

ช่องซ้ายสำหรับดูรูป ช่องขวาสำหรับโฟกัส กางโฟกัสโดยหมุนแป้นโฟกัส ให้ส่วนที่อยู่ครึ่งบนสีขาว ตรงกับส่วนที่อยู่ครึ่งล่างสีเหลือง (หรือฟ้าในบางรุ่น)

 

Argus C3 Bottom

ด้านใต้ของตัวกล้อง ในรูป แป้นกลมข้างซ้ายมีรูเกลียวสำหรับขาตั้งกล้อง ปุ่มดำตรงกลาง สำหรับช่วยในการตั้งกล้องไม่ให้ล้มไปด้านหน้า และแป้นกลมขวา สำหรับหมุนฟิล์มกลับเข้ากลักเมื่อถ่ายรูปหมดแล้ว

 

Argus C3 Back Inside

เมื่อเปิดฝาด้านหลังกล้องออก ก็จะเห็นตามรูปที่แสดงอยู่นี้ ตัวกล้องจะมีช่องสำหรับใส่ฟิล์มม้วน 135 หรือ 35มม. ตามที่นิยมเรียกกัน ด้านฝากล้องจะมีแป้นสี่เหลี่ยม มีสปริงสำหรับดันฟิล์มให้แนบกับช่องรับฟิล์มที่ตัวกล้อง

Argus C3 Roll Film Socket   Argus C3 Roll Film Socket Open

ช่องสำหรับใส่กลักฟิล์มม้วน 135 ใหม่ โดยการดึงแป้นกลมด้านล่างออก เพื่อให้สามารถใส่ฟิล์มเข้าไปได้ เมื่อใส่กลักฟิล์มแล้ว ดันแป้นกลับเข้าไปให้แกนหมุนเข้ากับตัวกลักฟิล์มได้พอดี

Argus C3 Roll Film Socket Left   

ช่องรับฟิล์มด้านซ้าย เมื่อใส่กลักฟิล์มด้านขวาแล้ว ดึงหางฟิล์มมาใส่ลงในร่องฟิล์มด้านซ้ายในรูป หมุนฟิล์มให้แน่ใจว่าฟิล์มเข้าร่องแน่นไม่หลุด แล้วก็ปิดฝาด้านหลังได้

 

Argus C3 Film No. 0   Argus C3 Film No. 1

เมื่อใส่ฟิล์มเสร็จแล้ว ให้หมุนแป้นแสดงจำนวนรูปที่ด้านบนไปยังเลข 0 เพื่อเริ่มต้นถ่ายรูป ปกติ รูปแรกจะยังใช้ไม่ได้ ให้กดรูปทิ้งไปก่อน และหมุนเลื่อนฟิล์มไปยังรูปถัดไป จะเป็นรูปที่ 1 พอดี ก็เริ่มทำการถ่ายรูปได้ เมื่อหมดม้วนแล้ว ให้ดันปุ่มหกเหลี่ยมไปทางซ้ายและหมุนแป้นหมุนฟิล์มกลับเข้ากลัก จนหมด เป็นอันสิ้นสุดการถ่ายรูป 1 ม้วน

ตัวอย่างรูปจากกล้อง Argus C3

ArgusC3Sample002

รูปนี้ลองทดสอบคอนทราสระหว่างในที่มืดภายใน และ แสงสว่างภายนอก เลนส์เก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียว

 

ArgusC3Sample004

 

ArgusC3Sample005

 

ArgusC3Sample006

 

ArgusC3Sample007

 

Buy Me A Coffee  

ความคิดเห็นขับเคลื่อนโดย CComment